ผังงาน
(Flowchart Diagram)
ผังงาน (Flowchart) คือ รูปภาพ (Image) หรือสัญลักษณ์(Symbol) ที่ใช้เขียนแทนขั้นตอน คำอธิบาย ข้อความ หรือคำพูด ที่ใช้ในอัลกอริทึม (Algorithm)
เพราะการนำเสนอขั้นตอนของงานให้เข้าใจตรงกัน ระหว่างผู้เกี่ยวข้อง
ด้วยคำพูด หรือข้อความทำได้ยากกว่า
ผังงานแบ่งได้ 2 ประเภท
1. ผังงานระบบ (System
Flowchart) คือ ผังงานที่แสดงขั้นตอนการทำงานในระบบอย่างกว้าง
ๆ แต่ไม่เจาะลงในระบบงานย่อย
2. ผังงานโปรแกรม (Program Flowchart) คือ ผังงานที่แสดงถึงขั้นตอนในการทำงานของโปรแกรม ตั้งแต่รับข้อมูล คำนวณ จนถึงแสดงผลลัพธ์
ผังรูปแบบการเขียนผังงาน (Flowchart)
1.
การทำงานแบบตามลำดับ (Sequence)
รูปแบบการเขียนโปรแกรมที่ง่ายที่สุดคือ
เขียนให้ทำงานจากบนลงล่าง เขียนคำสั่งเป็นบรรทัด และทำทีละบรรทัดจากบรรทัดบนสุดลงไปจนถึงบรรทัดล่างสุด
สมมติให้มีการทำงาน 3 กระบวนการคือ อ่านข้อมูล คำนวณ
และพิมพ์
2. การเลือกกระทำตามเงื่อนไข (Decision or Selection)
การตัดสินใจ
หรือเลือกเงื่อนไขคือ เขียนโปรแกรมเพื่อนำค่าไปเลือกกระทำ
โดยปกติจะมีเหตุการณ์ให้ทำ 2 กระบวนการ
คือเงื่อนไขเป็นจริงจะกระทำกระบวนการหนึ่ง และเป็นเท็จจะกระทำอีกกระบวนการหนึ่ง
แต่ถ้าซับซ้อนมากขึ้น จะต้องใช้เงื่อนไขหลายชั้น เช่นการตัดเกรดนักศึกษา เป็นต้น
ตัวอย่างผังงานนี้ จะแสดงผลการเลือกอย่างง่าย
เพื่อกระทำกระบวนการเพียงกระบวนการเดียว
3. การทำซ้ำ (Repeation or Loop)
การทำกระบวนการหนึ่งหลายครั้ง
โดยมีเงื่อนไขในการควบคุม หมายถึงการทำซ้ำเป็นหลักการที่ทำความเข้าใจได้ยากกว่า 2
รูปแบบแรก เพราะการเขียนโปรแกรมแต่ละภาษา
จะไม่แสดงภาพอย่างชัดเจนเหมือนการเขียนผังงาน
ผู้เขียนโปรแกรมต้องจินตนาการด้วยตนเอง
สัญลักษณ์ของผังงาน
(Flowchart)
รูปภาพสัญลักษณ์
|
ความหมายของสัญลักษณ์
|
---|---|
เริ่มต้นหรือจบ
Flowchart (Start or Stop)
| |
การประมวลผล
(Process)
| |
ส่วนนำเข้าข้อมูลหรือแสดงผลข้อมูล
(Input or Output)
| |
การตัดสินใจ
(Decision)
| |
จุดเชื่อมต่อ
(Connector)
| |
ทิศทางการทำงาน
(Direction)
|
หลักการใช้สัญลักษณ์ของผังงาน (Flowchart) คือ
1) ผังงาน (Flowchart) ที่เขียนขึ้น ต้องมีจุดเริ่มต้น และ จุดสิ้นสุด (Start and Stop)
2) สัญลักษณ์แต่ละรูปจะมีการเชื่อมต่อด้วย ทิศทางการทำงาน (Direction of Flow)
3) ทิศทางการทำงานจะต้องเริ่มต้นจากจุดเริ่มต้น
และจบที่จุดสิ้นสุดเท่านั้น
ประโยชน์ของการใช้ผังงาน
1. ทำให้เข้าใจ และแยกแยะปัญหาได้ง่าย (Problem
Define)
2. แสดงลำดับการทำงาน (Step Flowing)
3. หาข้อผิดพลาดได้ง่าย (Easy to Debug)
4. ทำความเข้าใจโปรแกรมได้ง่าย (Easy to
Read)
5. ไม่ขึ้นกับภาษาใดภาษาหนึ่ง (Flexible
Language)
นางสาวมุกรินทร์ หยวกวิ่ง เลขที่30 ชั้นม.4/1😆😆😆
ตอบลบน.ส.นุชรินทร์ โพธิ์ศรีม.4/1เลขที่16😄😄😄
ตอบลบน.ส.สุธิตา สุพรรณ
ตอบลบโชคสันติ ละครพล
ตอบลบนาย ศักดิ์สิทธิ์ ปักกาสิเนย์
ตอบลบน.ส. สุกัญญา ไฝชอบ เลขที่ 12 ม.4/1
ตอบลบน.ส.เรณูมาศ จันทร์งาม
ตอบลบกฤษณะ หนูสุวรรณ์ ม4/1 เลขที่22
ตอบลบน.ส.กุลธิดา สกุลกลาง ม.4/1 เลขที่2
ตอบลบน.ส.วรรณวิสา จันคำ ม.4/1 เลขที่ 9
ตอบลบน.ส.กุลสตรี สกุลกลาง เลขที่ 3 ม.4/1
ตอบลบน.ส.กุลสตรี สกุลกลาง เลขที่ 3 ม.4/1
ตอบลบน.ส.กุลสตรี สกุลกลาง เลขที่ 3 ม.4/1
ตอบลบน.ส. วณัฐชา ชัยปัญหา เลขที่ 8
ตอบลบน.ส.ปนัดดา. สวนดี เลขที่ 7 ชั้นม4/1
ตอบลบน.ส .สายสมร สีเสน
ตอบลบน.ส พัชรินทร์ หมั่นกิจ
ตอบลบน.ส.อารียา ยาย่อ
ตอบลบน.ส.ยุภาวดี ศรีพวงเพชร ม.4/1 เลขที่ 18
ตอบลบน.ส.มนัญญา ชาหลาบคำ ม.4/1 เลขที่17
ตอบลบนายตะวัน วรรณปะเข เลขที่ 15
ตอบลบน.ส.ฉวีวรรณ บุญเหลา เลขที่ 28
ตอบลบน.ส.กัญญารัตน์ ยอดทองหลาง เลขที่ 27
ตอบลบ